Page 90 - E-BOOK
P. 90
ลักษณะของหน้าตัดดิน (Profile features)
ลักษณะวินิจฉัยของ Histosols เป็นกลุ่มดินที่มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นสารอินทรีย์ เรียกกันว่า ดินสนุ่น
(bogs หรือ bog soils) ดินที่ชื้นแฉะ (moors) หรือดินพีทและมัก (peat and muck soils) ดินนี้บางชนิดจะเป็น
ชั้นตื้นๆ ของอินทรียสารวางตัวอยู่บนเศษหินโดยตรงหรือเป็นดินลึกก็ได้ เป็นดินที่มีความจุในการอุ้มนำ้าสูง สามารถ
หดตัวได้สูงเมื่อแห้ง มีความหนาแน่นรวมตำ่าและมีความพรุนสูง
สภาพแวดล้อมและภูมิสัณฐาน (Environment and landforms)
กลุ่มดิน Histosols มักพบในบริเวณที่มีการอิ่มตัวด้วยนำ้า เกิดได้ทุกสภาพภูมิอากาศ โดยทั่วไปจะพบใน
สภาพที่เป็นแอ่งตำ่าปิด มีระดับนำ้าใต้ดินตื้น มีนำ้าขังตลอดเวลาหรือเกือบตลอดเวลา ทำาให้มีการสะสมวัสดุอินทรีย์
ได้ง่าย รวมถึงบริเวณที่เป็นพรุชายฝั่งทะเล และสามารถที่จะเกิดในแอ่งตำ่าของบริเวณที่สูง หรือตามแนวนำ้าซับ
ของบริเวณที่มีความชันในบริเวณที่มีอากาศไม่ร้อนจนเกินไป มีสภาพไร้ออกซิเจน (anaerobic condition)
และมีความชื้นสูง ทำาให้มีการสะสมของเศษซากพืชได้ง่าย
การใช้ประโยชน์และการจัดการ (Use and management)
พื้นที่พรุหรือบริเวณที่เป็นดินในกลุ่ม Histosols ได้มีการเปิดใช้มาบ้างแล้วในอดีต โดยเฉพาะบริเวณ
ขอบของพื้นที่พรุ และบริเวณที่มีชั้นอินทรียวัตถุไม่หนาจนเกินไป มีการระบายนำ้าออกจากบริเวณ และทำาการปลูกพืช
โดยทั่วไปแล้วในสภาพธรรมชาติ กลุ่มดิน Histosols จะไม่เหมาะต่อการผลิตพืชเศรษฐกิจมากนัก และไม่จัดว่า
เป็นดินที่มีศักยภาพทางการเกษตรในระดับการจัดการดินและพืชปกติ ปัญหาการใช้ที่ดินทางการเกษตรจะเกี่ยวข้อง
กับสภาพนำ้าท่วมขัง สมบัติทางกายภาพ และทางเคมีของดิน การเลือกพื้นที่บริเวณที่จะพัฒนาเพื่อใช้ทำาการเกษตร
ควรมีชั้นดินอินทรีย์หนาไม่เกิน 1 เมตร ระดับนำ้าใต้ดินประมาณ 30 เซนติเมตร การควบคุมระดับนำ้า จะต้อง
ดำาเนินการทั้งการป้องกันนำ้าท่วมและการระบายนำ้าออกจากพื้นที่พรุ บริเวณที่ยังมีป่าสมบูรณ์ควรสงวนไว้เพื่อช่วย
ในการอนุรักษ์ดินและนำ้า การเลือกชนิดพืชควรศึกษาอย่างละเอียดร่วมกับเทคโนโลยีปัจจุบัน นอกจากนี้แล้ว
การใส่ปูนจัดว่าเป็นสิ่งสำาคัญเพื่อลดความเป็นกรดของดิน
88